คนไทยจะพูดแบบ monotone คือไม่มีการพูดขึ้นเสียงสูง-ต่ำ เหมือนในภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง การออกเสียงภาษาอังกฤษ ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะมีการขึ้นเสียงสูงตรงพยางค์สุดท้ายของประโยค เช่น Are you okay? จะออกเสียงเป็น 'อาร์-ยู-โอเค๋' ไม่ใช่ 'โอเค' ยกเว้นประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh-words (What, When, Where, Why, Who, Whose) และ How จะไม่ขึ้นเสียงสูงตรงพยางค์สุดท้าย เช่น Who are you? คำว่า 'You' ออกเสียงว่า 'ยู' ไม่ใช่ 'หยู' 2.
การไม่ออกเสียงตัวสะกดภาษาอังกฤษ อีกปัญหาหนึ่งที่คนไทยละเลยในการพูดภาษาอังกฤษนั้นก็คือการไม่ออกเสียงตัวสะกด เช่น คำว่า 'Six' กับ 'Sick' ถ้าไม่ออกเสียงตัวสะกด ผู้ฟังอาจจะไม่สามารถแยกได้ว่าเราพูดถึงคำใดอยู่ โดยวิธีการออกเสียงคำแรกคือ 'ซิกส' แต่คำที่สองออกเสียงว่า 'ซิกค' จะเห็นได้ว่าจะต้องมีการออกเสียง ส และ ค ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาหลักๆที่คนไทยส่วนใหญ่มี เมื่อเข้าใจหลักการแล้วการพูดภาษาอังกฤษให้เก่งนั้นจะง่ายขึ้น อย่างมาก 5. การพูดให้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ (Grammar) สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การพูดภาษาอังกฤษของเรานั้นสมบูรณ์ก็คือ การพูดให้ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ (Grammar) ปัญหาส่วนใหญ่ที่คนไทยใช้ผิดเป็นประจำก็คือ การใช้กริยาไม่สอดคล้องกับประธานของประโยค เช่น ถ้าประธานของประโยคคือ 'We' verb to be ที่ต้องใช้คือ 'are' ตัวอย่าง We are all students. หรือถ้าประธานของประโยคเป็น 'He' จะต้องใช้คู่กับ verb to be 'is' ตัวอย่าง He is a student. นอกจากนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังสับสนเรื่องคำกริยาที่เติม s และไม่เติม s เช่น ถ้าประธานเป็น He/She/It คำกริยาที่ตามมาจะต้องเติม s ตัวอย่าง He eats a sandwich.